ตอบคำถามสมช. และ Fan Page
ผมว่ามี 3 เรื่องที่นักกอล์ฟ (สมัครเล่น) ส่วนใหญ่น่าจะสนใจ แต่ไม่ค่อยมีคนให้ความรู้คือ
1. การปรับก้านและไม้ ให้เป็น optimal launch เหมาะที่สุดสำหรับตัวเอง
⭕ ส่วนใหญ่จะมองที่ก้าน เพื่อให้เกิด
Dynamic Loft angle ที่ยกลูกได้ดี ซึ่งเป็น Minor effect แต่ลืมมอง #องศาหน้าไม้จริง (Static Loft Angle) ที่เป็น Major effect ที่ทำให้เกิด
การลูกยกตัว (Optimal Launch) ได้ดีกว่า คงที่กว่า และได้ระยะตามมา โดยอาจไม่ต้องมีปลายก้านที่อ่อนเกินไปเพื่อรอให้เกิด dynamic loft จากการดีดก้าน
2. การลด total weight เพื่อให้ทำ club head velocity ได้มากขึ้น แต่ให้คง swing weight ไว้เท่าๆ เดิม ... จะทำได้แค่ไหนในกรณีนักกอล์ฟซีเนียร์
💠
ลด Total weight ง่ายครับ ลดน้ำหนักก้าน/กริ๊ป หรือ หัวไม้
แต่ความยาวก้านเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อชดเชย SW ที่หายไป แต่การ error จะมากขึ้น Consistency น้อยลด และ
AOA (Angle Of Attack) จะเป็นมุมกด หรือ Flat ซึ่งหลายคนพลาดเรื่อง SW เพราะเป็นเพียงแค่ นน.สมมติครับ
(องศาหน้าไม้ที่มากขึ้น #ตอบโจทย์ซีเนียที่สปีดช้ามากกว่าก้านที่เบา และปลายที่อ่อนครับ)
3. เพราะตอนนี้ก้านรุ่นใหม่ๆ ลงไปถึง 20 กว่ากรัมแล้วครับ ??
🔶 มวลเบาเพื่อการยกตัวของลูก แต่มวลน้อย การอิมแพคน้อยลงด้วย ประกอบก้านต้องยาวขึ้น เกิด error ง่ายกว่า ลูกไม่ค่อยลอยเพราะ #AOA จะเป็น Flat หรือ มุมกด (แต่ลูกกอล์ฟยกตัวด้วยองศาที่มากขึ้นจะดีกว่าครับ)
**ก้านเบา แพง/หักง่าย ไม่ตอบโจทย์การใช้จริง เพราะ margin ทางการตลาดก้านดีจะกว่าหัวไม้ ออกมารุ่นละ 2 แบบองศาเท่านั้น
|
แนวดีดก้านที่เป็นได้ 2 ทิศทาง |
4. การจัดแนวดีดของก้านที่พูดถึงบ่อยๆ ครับ
🚩
Neutral Bending Position การดีดที่เป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพสูงสุด บนก้านที่ทรงกลม ซึ่งคล้ายๆกับลักษณะการโก่งคันธนูยิง
ไม่ใช่การหาตำแหน่ง Spine หรือกระดูกก้าน แล้วนำมาวางไว้ที่ตำแหน่ง 12 หรือ 6 นาฬิกา เพราะก้านหนึ่งก้านไม่ได้มี Spine เดียว หรือ สอง Spine ที่ต้องอยู่ตำแหน่งตรงข้ามกันเสมอ
ฉนั้นช่าง และนักกอล์ฟหลายคนไม่เข้าใจในการจัดก้านแบบนี้ ซึ่งการจัดก้านแล้วต้องจัดสวิงเวทให้สัมพันธ์กับลักษณะ หรือสเปคของก้านนั้นๆด้วย จะช่วยให้การดีดก้านนั้น เหมือนติดสปริงเพิ่มขึ้นครับ