11 สิงหาคม 2565

การดีดก้านในชุดเหล็กที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ขาดการควบคุมทิศทาง

ท่านนักกอล์ฟหลายท่านทราบกันดีว่า ช๊อตที่ทำคะแนนคือ ช๊อตที่ 2 ในหลุมพาร์ 4 / ช๊อตที่ 3 ในหลุมพาร์ 5 และ ช๊อตแรกในหลุมพาร์ 3 (ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นไม้ในชุดเหล็กทั้งนั้น) เพราะฉนั้นความแม่นยำ (Accuracy) และ ความสม่ำเสมอ (Consistency) ย่อมเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง ไม่ใช่เฉพาะวงสวิงอย่างเดียว แต่ไม้กอล์ฟที่ใช้ย่อมต้องมีการดีดก้าน และสเปคที่เข้ากับวงสวิงของตัวเราเองเป็นอย่างยิ่ง

ตามที่ได้ทราบกันมาแล้วว่า "ก้านไม้กอล์ฟ" ไม่ว่าก้านกราไฟท์ หรือ ก้านเหล็ก การผลิตนั้นไม่สามารถผลิตให้ได้กลม เนียนตลอด 360 องศา จึงเป็นสาเหตุให้การจัดวางก้านไม้กอล์ฟให้ตรงกับแนวดีดก้านนั้น จะเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ โดยเฉพาะในชุดเหล็กซึ่งความผิดพลาดในช๊อคของชุดเหล็กจะทำให้มีการแก้ไขในช๊อตต่อไป และสกอร์ หรือโอกาสการทำคะแนนมีเปอร์เซนต์ที่ไม่น่าจะเป็น

การดีดก้านที่ต่างแนวกัน ก่อนการอิมแพค
ทำไมต้องมาจัดแนวดีดก้านฯในชุดเหล็กให้เหมือนกันในทุกๆเบอร์ ก็เป็นเพราะในชุดเหล็กนั้นต้องการ ระยะ และทิศทางที่แม่นยำมากกว่า ไดร์ฟเวอร์หรือแฟร์เวย์วูด ด้วยซ้ำ จึงเป็นสาเหตุในการดีดก้านที่ออกมาให้เหมือนกัน การงอตัวดีดก้าน (Drooping หรือ Bending) นั้นย่อมเกิดขึ้นเมื่อก้านไม่ได้เสียบประกอบก้านในอยู่ในแนวดีดที่ดีที่สุด หรือแนวดีดก้านที่เหมือนกันในทุกๆเหล็ก จึงทำให้ก้านงอตัวดีดเมื่อเข้าสู่จุดอิมแพคที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดผลงาน / ทิศทาง และ Feeling ที่ต่างกัน ซึ่งท่านนักกอล์ฟลองสังเกตในชุดเหล็กที่เราใช้อยู่ (ชุดเดิมๆที่ซื้อมาจากห้าง ที่ยังไม่ได้ทำการปรับแต่ง) จะมีความรู้สึกอย่างที่บอกไป ว่า Feeling ไม่เหมือกันในทุกๆเหล็ก บางเหล็กนุ่มมือ ได้ระยะ/ทิศทาง ตามต้องการ แต่บางเหล็กอิมแพคแล้วไม่มั่นใจ หรือไม่อยากหยิบออกมาใช้เลย

Lie Angle ที่กำหนดทิศทาง
การดีดตัวก้านก่อนเข้าอิมแพค เป็นได้ทั้งสองแบบ (ตามรูป) งอตัวมาด้านหน้า คือหัวเหล็กนำก้านแนวนอน (Horizon) และ การ Droop ก้านแนวตั้ง (Vertical) หากการดีดที่ต่างกันในเหล็กแต่ละเบอร์ที่ไม่ได้จัดแนวดีด ซึ่งมีผลกับ Lie Angle ที่ทำให้ทิศทางไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ซึ่งนักกอล์ฟทั่วไปอาจจะไม่สนใจในเรื่องนี้ เลยคิดว่าเป็นเพราะวงสวิง มากกว่าเป็นเพราะไม้กอล์ฟที่ยังไม่ได้นำมาปรับแต่งเสียใหม่ จึงตัดสินใจเปลี่ยนไม้กอล์ฟทั้งชุดเลยดีกว่า หรือปรับการเล็ง ปรับการยืนแอสเดรส ปรับหน้าไม้จรดลูกให้ปิด หรือเปิดแทน

นักกอล์ฟอาชีพในทัวร์ต่างๆ ไม่มีใครใช้ไม้กอล์ฟที่เป็นมาตรฐานสเปคการผลิตจากโรงงาน (One Size Fit All) ที่วางขายตามชั้นบนห้างต่างๆครับ จะมีการตรวจเช็คหลายๆจุด และวิเคราะห์วงสวิง ความแข็งแรงร่างกาย ว่าควรมีน้ำหนักก้านเท่าไร / ความยาวก้านเท่าไร / มีองศาหน้าไม้เท่าไร / ขนาดกริ๊ปขนาดใด / รูปทรงหัวไม้ หรือใบเหล็ก อย่างไร / Lie Angle และการดีดก้านอย่างไร ต้องประกอบให้ได้สเปคตามที่ต้องการนั้น และเรื่องของวงสวิงจะมีการพัฒนาได้อย่างเป็นมาตรฐาน แต่สเปคไม้กอล์ฟไม่ควรเป็นมาตรฐานนะครับ เพราะสรีระร่างกาย / ทักษะทางกีฬา และความแข็งแรงของนักกอล์ฟแต่ละคนแตกต่างกัน