14 สิงหาคม 2554

คุณสมบัติของก้านไม้กอล์ฟ (Shaft Profile) และการเลือกก้านไม้กอล์ฟ

ก้านไม้กอล์ฟที่วางจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันนี้มีมากมายหลายแบนด์ มีทั้งหลากหลายระดับราคา และคุณภาพ ตามที่ได้โฆษณาไว้ แต่ท่านนักกอล์ฟจะทราบได้อย่างไรว่า ก้านไม้กอล์ฟที่ดีและเหมาะกับท่านจริงๆ ควรจะเป็นแบบใด และควรเลือกอย่างไรถึงจะได้คุณสมบัติที่ใช่ หรือใกล้เคียงกับท่านที่สุด

Shaft construction
องค์ประกอบพื้นฐานของก้าน ก็จะไม่แตกต่างกัน แล้วแต่ว่าจะถักทอ หรือทำให้หนา / บาง  เพื่อให้ได้ออกมาเป็นก้านไม้กอล์ฟที่มีองค์ประกอบให้ได้ จุดดีด และมีน้ำหนักรวมตามที่กำหนดไว้อย่างไร

การเลือกก้านไม้กอล์ฟนั้น สิ่งที่ควรคำนึง เพื่อที่จะได้ก้านที่ดี และมีประสิทธิภาพเหมาะกับนักกอล์ฟแต่ละท่าน เรียงตามลำดับความสำคัญดังต่อไปนี้
  1. น้ำหนักก้าน (Raw Shaft Weight)
  2. ความแข็งของก้าน (Flex) หรือ ค่า CPM ที่เป็นตัวเลข
  3. จุดดีดของก้าน (Kick Point)
  4. การประกอบก้านไม้กอล์ฟ (Club Assembly & Fitting) ให้ได้สเปคที่เหมาะสม
  5. เรื่องราคา (Price) หรือ ยี่ห้อดังๆ (Brand) เป็นประเด็นสุดท้ายที่พิจารณา


**ก้านไม้กอล์ฟในท้องตลาดนั้นมีให้เลือกเป็นหลายสิบแบนด์ และมีเป็นร้อยๆรุ่น ออกมาจำหน่ายแล้ว เดี๋ยวก็ออกรุ่นใหม่มาอีก คราวนี้แหละท่านว่าอันไหนล่ะดีที่สุดสำหรับท่าน หากไม่มองคุณสมบัติที่แท้จริงของก้านไม้กอล์ฟที่จะนำไปใช้งานจริง หรือหากว่าท่านต้องการจะลองเปลี่ยนก้านฯไปเรื่อยๆ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์แล้วครับ สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกก้านตามลำดับ และรายละเอียดดังนี้

น้ำหนักก้าน (Shaft Weight)
เป็นคุณสมบัติประการแรกที่สำคัญในการเลือกเปลี่ยนก้านไม้กอล์ฟใหม่ น้ำหนักก้านเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของถ่ายทอดพลังงาน (Dynamic Energy Transfer) จากนักกอล์ฟไปยังลูกกอล์ฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น นักกอล์ฟที่มี สวิงที่เร็ว (Fast Swing Speed ) หากเลือกก้านที่เบากว่าความสามารถของการสวิงแล้ว ก็จะทำให้ไม่ได้ระยะที่ควรจะได้
ท่านไม่ควรกังวลกับเรื่อง Torque ให้มากนัก เพราะส่วนใหญ่ที่พบเห็นกันเสมอ คือ ก้านที่หนักขึ้น Torque ก็จะน้อยลง และก้านที่เบา ก็จะมี Torque ที่มากขึ้นเป็นธรรมชาติของการผลิต ซึ่งค่า Torque นี้จะเป็นตัวกำหนดการต้านแรงบิดตัวของก้านฯในขณะ Down Swing ซึ่งหมายถึงการควบคุมการ Impact ของหน้าไม้นั้นเอง
Torque น้อยการบิดตัวน้อย ผนังก้าน (Wall Thickness) จะมีความแข็งและบิดตัวกว่า ให้มองหาน้ำหนักก้าน (Shaft Weight) ที่เหมาะกับวงสวิง และความแข็งแรงร่างกายเป็นสำคัญ

จุดดีด (Kick Point)
จะเป็นคุณลักษณะของก้านที่ทำตามแผนการผลิตที่กำหนดไว้มาแล้ว เช่น Low / Mid / High ท่านจะไม่ค่อยพบก้านฯที่เป็น High Kick อย่างเดียวออกมาจำหน่ายในท้องตลาด และจะพบเห็นแค่ Low และ Mid kick หรือแบบผสม Low-Mid ในก้านเดียวกัน เพราะตลาดใหญ่กว่า
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในการเลือกจุดดีดนี้ ท่านต้องทราบว่าท่านต้องการ Ball Flight หรือ การเหินของลูก (Trajectory) อย่างไร และยังเกี่ยวข้องกับ การหมุน (Spin rate) ของลูกกอล์ฟด้วยเช่นกัน
Low Kick ให้ Ball Flight ที่สูง และ Spin มาก ในทางตรงกันข้าม Mid-High kick ให้ Ball Flight ต่ำ และ Spin น้อยกว่า
Frequency Analyzer Machine

ความอ่อนแข็ง (Flex) หรือ ค่าการดีด (CPM
ยังมีนักกอล์ฟหลายท่านยังยึดติดกับค่าของ flex ที่บอกบนก้านฯ เช่น ค่า R / S / X ก็แล้วแต่จะกำหนดเรียก แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ค่าเหล่านั้นไม่มีค่าใดเป็นมาตรฐานเลย จะสามารถทราบได้อย่างแท้จริงต้องเป็นค่าของการดีดก้านฯ คือค่า CPM (Circle Per Minute) ที่ต้องใช้เครื่องวัดการดีด (Frequency Analyzer) เท่านั้น จึงจะสามารถบอกค่าความอ่อนแข็งของก้านนั้นเป็นเท่าใด
ท่านนักกอล์ฟคงเคยพบว่าก้าน R (Regular) ของแบนด์หนี่ง แต่ให้ความรู้สึกเท่ากับก้าน S (Stiff) ของอีกแบนด์หนี่ง หรือบางรุ่นก็ไม่บอกค่า แต่บอกเป็นดัวเลข แทนตัวอักษร เช่น 5.0 / 5.5 หรือ 6.0 ท่านต้องควรยึดค่า CPM ของก้านไว้เป็นสำคัญจะดีที่สุด

Shaft Profiling
การประกอบไม้กอล์ฟ (Club Assembly & Fitting)
อย่างที่ได้เคยกล่าวไปแล้วนั้นว่า ก้านไม้กอล์ฟไม่สามารถทำงานและให้ประสิทธฺิภาพด้วยตัวของมันเองเพียงลำพัง จำเป็นต้องทำงานร่วมกับ น้ำหนัก และรูปแบบของหัวไม้ที่เหมาะสมกับวงสวิง / การตัดแต่งความยาวก้าน (Tip & Butt Trim) ที่ดี / การจัดแนวดีดที่เสถียรที่สุดของก้าน (Most stable Oscillation Side) หรือจัด Spine alignment   ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เพราะไม่มีก้านไม้กอล์ฟอันไหนที่จะกลมเรียบ เท่ากันทั้ง 360 องศา หรือไม่มีแกน (Spine) เพราะฉนั้นจะมีด้านที่เสถึยรที่สุดเท่านั้น และต้องอยู่ด้านเดียวกับหน้าไม้ เพื่อให้การดีดของก้านสมบูรณ์ที่สุด ได้ประสิทธิภาพการดีดสูงสุด

หากได้ก้านไม้กอล์ฟที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมดีแล้ว แต่นำมาประกอบ ปรับแต่งการกระจายน้ำหนัก (Weight Distribution) ที่เข้ากันแล้วไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม้กอล์ฟทั่วๆไป เสียเงินราคาแพง แต่กับได้ก้านที่ทำงานไม่คุ้มค่าที่เสียไป

ราคาก้าน และ ก้านยี่ห้อดังๆ
ราคา และ แบนด์ ควรเป็นส่วนที่ถามถึงเป็นประเด็นสุดท้าย ซึ่งก้านที่มีราคาแพงใช่ว่าจะทำให้ท่านนักกอล์ฟใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อาจราคาสูงเพราะปัจจัยอื่นในการตลาด เช่น ค่าโฆษณา / สปอนเซอร์นักกีฬา & ร้านค้า ราคาไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่แท้จริงเสมอไป ในการเลือกซื้อก้านไม้กอล์ฟ  (แต่หากว่าท่านต้องการผลทางจิตวิทยา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) ก้านไม้กอล์ฟที่มีราคาแพง แต่ตีออกมาแล้วได้คุณสมบัติ และความรู้สึกที่ไม่แตกต่างอะไรกับก้านฯอื่นๆก็มี ที่พบเห็นอยู่ทั่วไปบ่อยครั้ง เชื่อว่านักกอล์ฟหลายท่านที่มีประสบการณ์น่าจะเข้าใจ จากนั้นก็ต้องนำมาขายขาดทุนต่อไป ไม่รู้ว่าจะลงตัวที่ก้านแบบไหนดี

เพราะฉนั้นท่านควรพิจารณาว่าก้านไม้กอล์ฟแบบไหนที่เหมาะกับท่าน และให้ประโยชน์แก่ท่านคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุด ลองปรึกษา Professional Club Fitter (ไม่เน้นงานขาย) หรือร้าน Pro Shop ที่มีอุปกรณ์ เครื่องมือที่สนับสนุน และการแนะนำดังกล่าวเท่านั้น ที่จะมีคำตอบตรงประเด็นให้กับท่านได้ดีที่สุด