จากที่กล่าวมาแล้ว มาเข้าเรื่องกันที่นักกอล์ฟในบ้านเราชอบการปรับ / แต่ง ก้านไม้กอล์ฟเป็นส่วนใหญ่เมื่อไรที่คิดว่าอยาก Modify ไม้กอล์ฟของตนเอง ก็จะตามเสาะหาก้านไม้ฯที่มาใหม่ หรือที่โฆษณาติดตลาดอยู่ในปัจจุบัน หรือมีโปรฯแนะนำว่าดี ไม่ว่าราคาจะแพงขนาดไหนก็อยากเป็นเจ้าของ โดยไม่คำนึงถึงการทำงานร่วมกับหัวไม้กอล์ฟที่มีอยู่ว่ามันจะให้ผลงานออกมาอย่างไร และความจะมีความยาวก้าน (Club Length) อย่างไรที่เหมาะกับตน เพราะส่วนใหญ่ร้านขายก้านก็จะทำก้านให้มีความยาวไม่ต่ำกว่า 45 นิ้ว เอาไว้ก่อน เพราะกล้วว่าความยาวนั้นจะมีผลกระทบกับ ระยะ (Distance) หากความยาวสั้นกว่านั้น และความจะมีก้านฯที่มีน้ำหนักเบาๆไว้ก่อน (50-55 กรัม) เพราะน้ำหนักรวม (Total Weight) ที่เบาจะทำให้สวิงงานและได้ระยะ
ความเข้าใจเช่นนั้นก็ไม่ผิดหลอกครับ แต่ไม่ใช่สำหรับนักกอล์ฟทุกๆคนต้องเป็นแบบนั้น หรืออาจคิดว่านักกอล์ฟในตลาดส่วนใหญ่ต้องมีวงสวิงราวๆนี้ นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ Standard Spec ทั่วๆไป ซึ่งท่านที่ได้เปลี่ยนก้านฯก็คิดว่าน่าจะตีได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากสมกับราคาค่าก้านฯ แต่ก็ต้องค้นหาของใหม่ๆอีกไม่รู้จักจบตรงไหนสักที เพราะไม่ได้คิดคำนวณตามหลักของการทำ Club Fitting จริงๆ
- น้ำหนักก้าน (Shaft Weight) เป็นมวลที่ต้องเหมาะสมกับตัวท่าน หรือกำลังของท่านที่ทำได้ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- จุดงอตัวดีด (Bend Profile) กำหนดวิถีบอล (Trajectory หรือ Flight Ball) ที่ต้องการ บอลสูง/ต่ำ และทำงานร่วมกับ องศาหน้าไม้ฯ (Loft Angle) และการออกแบบของหัวไม้
- การอ่อนตัว (Flexibility) ควรรู้ว่าก้านเปล่านั้นมี CPM เท่าไร และประกอบแล้วมี CPM เท่าไร ร้านทำควรมีเครื่องวัด (Shaft Frequency ) เพราะที่บอกบนก้านว่า R หรือ S นั้นเชื่อไม่ได้นักครับ
- ความยาว (Shaft Length) ต้องเหมาะกับท่านจริงๆมิใช่มาตรฐาน (Standard Length, 45-46 นิ้ว) เสมอไป เพราะความยาวก้านฯเป็นตัวกำหนดการ Impact ที่หนักแน่น และเข้าตรงกลางหน้าไม้บ่อยครั้งที่สุดในแต่ละครั้ง จะมีผลให้เกิดการถ่ายเทพลังงานได้เต็มที่สูงสุด
- การประกอบไม้กอล์ฟ (Club Assembly) ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ไม้กอล์ฟที่ออกมาได้ Spec ตามต้องการมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น Swing Weight เหมาะสมกับจังหวะการสวิง (Swing Tempo) การวางแนวดีดที่ดีที่สุด (Spine Alignment) ทำขนาด Grip Size เฉพาะที่พอดีกับมือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น