ก้านไม้กอล์ฟที่ติดมาจากโรงงาน (Stock Shaft) หรือบางท่านเรียกว่า (OEM shaft) คือผลิต และประกอบคู่มากับไม้กอล์ฟผลิตที่ละมากๆ มีเพียง 2 Flex ให้เลือก (R กับ S) คุณภาพ หรือคุณสมบัติก็แล้วแต่จะตรงกับนักกอล์ฟที่ได้ซื้อไป แล้วเหมาะกับตัวเอง ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนก้านฯเพื่อจะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ตรงกับความสามารถ และสรีระของตัวเอง ก็ควรรู้ว่าก้านไม้กอล์ฟนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ก้านไม้กอล์ฟที่วางขายทั่วไป มีให้เลือกมากมายหลายแบนด์ หลายรุ่น หรือแบนด์เดียวกัน ก็มีอีกหลายรุ่น นับได้ว่ามีให้เลือกเป็นร้อยเลยก็ว่าได้ ซึ่งการแข่งขันทางการตลาดพยายามโปรโมทแบนด์ตัวเองด้วยการ ให้สปอนเซอร์นักกอล์ฟอาชีพ และลงโฆษณาให้ติดตา ติดตลาดของผู้บริโภคในสื่อต่างๆ แล้วจริงๆคุณสมบัติของก้านนั้นต่างกันตรงนั้นหรือ สมมุติเอาสี และลวดลายที่พ่นบนก้านออก ให้เป็นเดียวกันหมด คือสีดำ หรือเป็นสีของกราไฟท์อย่างเดียวกันทั้งหมด ท่านควรจะพิจารณาเลือกก้านไหนที่เหมาะกับท่านที่สุด ปราศจากชื่อแบนด์ และรุ่นต่างๆที่บอกบนตัวก้าน
ความอ่อน/แข็งก้าน (Shaft Flex) ซึ่งก้าน R หรือ S ที่พอจะทราบกันนั้นไม่สามารถนำมาเป็นตัววัดความแข็ง/อ่อนก้านที่มาเปรียบเทียบกันได้ เพราะไม่มีค่าความเป็นมาตรฐาน ซึ่งแต่ละแบนด์กำหนดความอ่อน/แข็งของตัวเองโดยไม่ได้อ้างอิงกับใคร จึงไม่ควรไปยึดติดกับ Flex นั้นมากเกินไป ซึ่งก็มีบางแบนด์ก็ไม่ได้กำหนดเป็นตัวอักษร แต่กำหนดความอ่อน/แข็งเป็นตัวเลข เช่น 5.0/5.5/6.0 หรือกำหนดให้เป็นค่า CPM (Circle Per Minute) ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการวัความถี่/ดีดก้าน บนเครื่องวัด Frequency Analyser ต่อการดีด ต่อรอบ/นาที ถ้ามีค่ามาก หรือความถี่มาก ค่าความแข็งของก้านก็จะมาก ค่าตัวนี้จะผันแปรตามความยาวก้านด้วยเหมือนกัน หากจะเปรียบเทียบระหว่างก้านสองก้านที่แตกต่างกันว่าก้านไหนจะ อ่อน/แข็งกว่ากัน ต้องควรมีความยาวที่เท่ากันด้วยครับ
คราวนี้พอทราบเจ้าค่า CPM คร่าวๆแล้วซึ่งในบทความก่อนๆก็เคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว คราวนี้ค่า CPM ก็มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน เพราะนักกอล์ฟเริ่มมีความรู้แล้วว่าค่า CPM ของก้านไม้กอล์ฟนั้นสำคัญอย่างไร และใช้ค่า CPM ทดแทนค่า Flex ไปแล้วว่าควรใช้ก้านที่มีค่า CPM ที่เท่าไร
ก้านที่มี CPM ที่โคนก้านเหมือนกัน แต่การดีดที่ปลายก้านไม่เหมือนกัน |
สรุปการเลือกซื้อ/เปลี่ยนก้านนั้น ไม่ควรมองที่ราคา หรือแบนด์เป็นอันดับแรก สืบเนื่องมาจากการโฆษณา และนักกอล์ฟอาชีพใช้เป็นสำคัญ นั่นก็ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของท่านเองไม่ได้ แต่ถ้าหากท่านรู้ว่า ก้านนั้นมีน้ำหนักก้าน (Shaft Weight) เท่าไร และมีค่าความอ่อน/แข็ง (Flex) ซึ่งควรมีค่า CPM ตลอดทั้งก้านเป็นอย่างไร ที่สามารถตอบสนองกับการสวิงของท่านได้ และนอกจากนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การประกอบก้านไม้กอล์ฟ (Club Assembly) ต้องให้ได้บนหลักการการฟิตติ้ง เช่นความยาวก้าน / สวิงเวท / การจัดแนวดีดที่ดี และขนาดกริ๊ป ให้เหมาะกับตัวท่านมากที่สุด การเปลี่ยนก้านนั้นจะถือว่าคุ้มค่าที่สุด ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการฝึกซ้อมแล้วครับ