27 ตุลาคม 2556

จุดดีดปลายก้าน (Bending Profile) กับวงสวิง ส่งผลต่อมุมเหิน และระยะ

การที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในแต่ละก้านนั้นมีจุดดีดตัวปลายก้านที่แตกต่างกัน ตามการออกแบบในแต่ละก้าน หรือแต่ละรุ่น เราก็ควรเลือก หรือพิจารณาก้านที่นำมาใช้ให้เหมาะกับวงสวิง หรือความสามารถในการสวิงของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน จุดดีด (Bend Profile) ในส่วนของปลายก้าน (Tip Flexible) เช่น Low / Mid / High bending หรือ บ้างเรียก Kick Point ที่มีผลต่อมุมของการดีดลูกกอล์ฟออกไป (Trajectory) ว่าจะสูง / กลาง หรือต่ำ ตามการทำงานของก้านที่ออกแบบมานั้น

การคลายมุมข้อมือต่ำกว่าระดับเอว ก่อนการอิมแพค
ไม่เพียงคุณสมบัติของการดีดที่ปลายก้าน (Tip Flexible) ที่มีผลต่อมุมของลูกกอล์ฟที่ออกไปเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับวงสวิงของนักกอล์ฟด้วย ที่จะให้ก้านที่ออกแบบมานั้น ให้ทำงานแบบที่มันควรจะเป็นอย่างเต็มประสิทธิภาพ ถ้าหากนักกอล์ฟมีวงสวิงที่ไม่มีการคลายมุมข้อมือ (No Late Unhinge Wrist) หรือ ไม่รักษามุมข้อมือ ให้ต่ำกว่าระดับเอว ก่อนคลายข้อมือเข้าจุดอิมแพค ก็จะไม่มีการทำงานของก้านที่ส่วนปลายก้าน (Tip Flexible) เป็นไปอย่างที่ควรเป็น หรือไม่ทำงานเลย ก็เพราะก้านจะไม่มีการงอตัวไปด้านหน้า (ในรูป) เพื่อให้เกิดสปริงดีดที่ปลายก้านก่อนจุดอิมแพค

ซึ่งการรักษามุมข้อมือให้ได้นาน หรือต่ำกว่าระดับเองแล้วนั้น จะทำให้เกิดการโหลดก้าน (Force Transition) ทำให้ก้านงอตัวเพื่อเกิดการสะสมพลังก่อนการดีดก้าน เมื่อปล่อย หรือคลายข้อมือเข้าหาจุดอิมแพค ดังนั้นคุณสมบัติการดีดที่ปลายก้านก็จะเป็นไปอย่างที่ควรเป็น ซึ่งการทำงานดีดนี้จะมีผลต่อองศาหน้าไม้ / Angle of Attack และสปินเรทที่เปลี่ยนไป จึงมีผลต่อมุมเหินที่เปลี่ยนไป และผลของระยะที่ตามมาอีกด้วย

17 ตุลาคม 2556

การเลือกสวิงเวทให้เหมาะสมกับวงสวิง และอุปกรณ์ของตัวเอง

สวิงเวท (Swing Weight) ที่นักกอล์ฟทั้งมือใหม่ หรือมือดีทั่วไปรู้จักกันและพูดถึง เมื่อไรก็ตามที่มีการปรับแต่งไม้กอล์ฟ หรืออาจเป็นเพราะยังไม่มีข้อมูลสเปคอื่นๆของไม้กอล์ฟที่สำคัญกว่า ก็จะนำเอาข้อมูลของสวิงเวทที่เขาบอกมา หรือเขาเล่าว่า หรือเขาใช้กัน ว่าควรทำ หรือ มีไม้กอล์ฟที่มีสวิงเวทเท่านี้ หรือเท่านั้นจะดี เช่น สวิงเวทให้น้ำหนักอยู่ที่หัวไม้กอล์ฟต้องมีสวิงเวทประมาณ D2-D4 จะให้ความรู้สึกที่หัวไม้กอล์ฟที่ดี และสวิงที่เบาก็ต้องอยู่ประมาณ C6-C9 แทบจะไม่มีความรู้สึกที่หัวไม้กอล์ฟในขณะที่ดาวสวิงลงมา

ซึ่งจริงๆแล้ว สวิงเวทนั้นไม่ใช่น้ำหนักที่แท้จริงของไม้กอล์ฟ (ซึ่งได้เคยพูดไปในหลายบทความก่อนๆแล้ว) สวิงเวทเป็นเรื่องของความรู้สีกในการสวิง (Not real weight but just Feel Factor) เป็นความรู้สึกในการสวิงของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน และแตกต่างกันไปตาม ความแข็งแรง / ทักษะในการสวิง ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งจริงๆแล้ว ไม้กอล์ฟที่มีค่าสวิงเวทที่เท่ากัน แต่มีน้ำหนักรวมไม้กอล์ฟ (Total Weight) ที่ไม่เท่ากันได้ และก็มีความรู้สึกในการสวิงที่แตกต่างกัน ถึงแม้มีค่าสวิงเวทที่เท่ากันก็ตาม

ตัวอย่างเช่น ไม้กอล์ฟทีจำหน่ายและวางอยู่บนชั้นทั่วไปในร้าน ก็จะมีค่าสวิงเวทที่เหมือนกัน หรือเป็นค่าเดียวกันที่ประกอบเป็นสเปคเดียวกันมาจากโรงงานเลย เพื่อเป็นค่ากลาง (One Size Fit All) ซึ่งอาจจะมีค่าสวิงเวทเหมาะกับนักกอล์ฟบางคนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เหมาะกับนักกอล์ฟทุกคนที่จะเหมาะกับสวิงเวทนั้น

หากท่านมีโอกาส หรือคิดจะปรับแต่งไม้กอล์ฟขึ้นมา เพราะไม้กอล์ฟเดิมที่ซื้อมาราคาแพงๆ ซึ่งคิดว่าน่าจะดี เพราะราคาแพงแล้วก็น่าจะทำมาอย่างดี แต่ปรากฏว่ายังตีไม่ได้อย่างใจ มีน้ำหนักมากไป ก้านแข็งไป และก็ไม่รู้ว่าอีกด้วยว่า ไม้ฯมันหนักด้วยน้ำหนักอะไร เพราะไม่มีข้อมูลบอกในตอนซื้อเลยว่า มีสวิงเวทเท่าไร และ น้ำหนักรวม (Total weight) เท่าไร แถมก้านยังรู้สึกว่าแข็งทื้อ ไม่รู้สึกดีดเลย ทั้งๆที่เป็นก้าน R (Regular flex) บวกกับแต่ละไม้มีความรู้สึกในการสวิงที่ไม่เหมือนกัน บางเหล็กตีได้ บางเหล็กไม่ ทำให้ลังเลว่าควรจะตัดสินใจขายทิ้ง เพื่อซื้อชุดใหม่ ที่เป็น Standard Spec มาใช้อีก หรือนำมาปรับ/แต่ง ให้ได้น้ำหนัก หรือ สวิงเวทที่เหมาะกับตัวเอง ว่ามันเป็นเพราะอะไร แบบมีหลักเกณฑ์ (Club Fitting) ดีไหม??

สวิงเร็ว/แข็งเรง ควรมีสวิงเวทที่สูง/หนักจะเหมาะกว่า
ค่าสวิงเวทที่หนัก หรือเบานั้น อย่างไรที่จะเหมาะกับนักกอล์ฟในแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการสวิง และ น้ำหนักจริงของ หัวไม้กอล์ฟ / ก้าน และ กริ๊ป ที่มีอยู่นั้นนำมาประกอบรวมกัน เพื่อทำให้การกระจายน้ำหนักเหล่านั้นที่มีอยู่ให้เหมาะสมตามต้องการ ว่าจะให้มีสวิงเวท มีน้ำหนักไปที่หัวไม้มากน้อยเพียงไร ซึ่งไม้กอล์ฟที่ผลิตมาให้รุ่นๆหนึ่งก็จะสวิงเวทออกมาเหมือนกันหมด เพราะเป็นปัจจัยในการผลิตที่ไม่สามารถทำสวิงเวทให้หลายหลากได้

การมีสวิงเวทของไม้กอล์ฟที่แตกต่าง ก็เพราะนักกอล์ฟก็มีวงสวิงที่แต่ต่างกัน เช่นนักกอล์ฟที่ไม่ได้ใช้การสวิง ด้วยการหมุนไหล่ คือใช้แขนเร่งตีลงมาเป็นส่วนใหญ่ ในขณะ Down Swing กับนักกอล์ฟที่ใช้การหมุนไหล่ บวกกับการรักษามุมข้อมือ และคลายออกเพื่อเร่งความเร็วก่อนการอิมแพค  (Late Release) ย่อมควรใช้สวิงเวทที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะให้ก้านไม้กอล์ฟทำงาน หรือ Load Force ไปที่ก้านที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการเร่งความเร็วจากข้างบนลงมา เมื่อเริ่ม Down Swing ในตำแหน่ง Top Swing เพราะฉนั้น นักกอล์ฟที่แข็งแรงที่มีจังหวะการสวิงตั้งแต่จุด Top Swing ควรจะมีสวิงเวทหนักที่มีความรู้สึกที่หัวไม้มากกว่า นักกอล์ฟที่ไม่ค่อยแข็งแรงที่มีจังหวะการสวิงช้า (Medium- Low Tempo) ควรมีสวิงเวทที่หัวไม้เบากว่า จะได้มีจังหวะการสวิงที่ราบเรียบกว่า เพิ่มการควบคุมหน้าไม้ในการอิมแพคได้สแควร์ได้ดีกว่า

นอกจากนัั้นความแตกต่างของน้ำหนักหัวไม้กอล์ฟ / ก้านไม้กอล์ฟ และน้ำหนักกริ๊ป ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกใช้ และ เลือกปรับสวิงเวทให้เหมาะสมกัน เช่น หากนำประกอบเป็นไม้กอล์ฟแล้วนั้นได้สวิงเวทที่เบา สมมุติว่าได้ที่ C 7 (ยังไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลย) อยากจะทำให้ไม้กอล์ฟนั้นมีสวิงเวทที่น้ำหนักมากขึ้น อยู่ที่ D 3  หรือสูงขึ้นมากกว่านั้น โดยเพิ่มน้ำหนักถ่วง (Tip Weight) ไปที่หัวไม้กอล์ฟที่เกินความจำเป็น เพื่อให้ได้สวิงเวท D 3 ตามต้องการ แต่ยังไม่ได้เคยทดลองสวิงดูเลยว่า สวิงเวทที่ C 7 / C 8 / C 9 ได้ Feeling ที่ต้องการหรือยัง เพียงแค่อยากเห็นสวิงเวทที่ชั่งออกมาบนตาชั่งให้ได้ D 3 เท่านั้นก็พอ ซึ่งจะส่งผลให้ก้านไม้กอล์ฟนั้นทำงานผิดไปจากสิ่งที่ควรเป็น ซึ่งในตลาดไม้กอล์ฟ Driver แบนด์ดังส่วนใหญ่ในปัจจุบันผลิต Driver ออกมาสวิงเวทที่เหมือนกันหมดในรุ่นเดียวกัน ประมาณ D 3- D 5 แล้วท่านลองคิดสิว่าสวิงเวทนั้น (One size fit all) จะเหมาะกับตัวท่าน หรือเปล่า ซึ่งเป็นไปได้ว่าถ้าสวิงเวทเบากว่านั้นท่านอาจจะมีวงสวิงที่ราบรื่นได้นะครับ และเพิ่มการควบคุมได้ดีกว่าอีกด้วย

หมายเหตุ : การเลือกซื้อหรือปรับเปลี่ยนไม้กอล์ฟโดยที่ยังไม่ได้วัดค่าความเร็วหัวไม้ / วิเคราะห์ภาพเคลื่อนไหวของจังหวะการสวิง / วัดความอ่อนแข็งก้าน (CPM) ที่เหมาะกับความแข็งแรง และทักษะวงสวิง / ขนาดกริ๊ป กับ ขนาดมือ / หรือข้อมูลส่วนตัวในการฝึกซ้อมเกมส์กอล์ฟ แล้วตัดสินใจซื้อไม้กอล์ฟนั้นมา ก็อาจถือได้ว่า ท่านกำลังเสี่ยงโชคซื้อไม้กอล์ฟเลยอ่ะครับ

✅ติดตามเรื่องฟิตติ้งไม้กอล์ฟน่ารู้✅

https://youtube.com/c/TOMTOMIYACLUBFITTING