หากท่านเดินหาซื้อไม้กอล์ฟสักชุดจากในร้าน หรือห้างที่วางขายไม้กอล์ฟ ที่เป็น Standard Spec โดยได้รับคำแนะนำว่ารุ่นนี้ เหมาะกับท่านโดยที่ยังไม่ได้ดูท่านสวิงจริง พร้อมทดสอบวิเคราะห์ สอบถามการเล่นกอล์ฟของท่าน และอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ว่ามีสเปคอย่างไรแล้ว ก็เหมือนกับท่านกำลังวัดดวงเสี่ยงเลือกซื้อไม้กอล์ฟนั่นเอง ซึ่งไม่ได้นำข้อมูลเชิงลึก ของอุปกรณ์ และวงสวิงของท่าน มาพิจารณาในท่านตัดสินใจในการลงทุนซื้อไม้กอล์ฟนั้นเลย
ไม้กอล์ฟแบนด์ต่างๆที่วางขายกันอยู่ทั่วไปในห้างร้าน เปรียบเสมือนสินค้าที่มีสเปคกลางๆ หรือผลิตเพื่อการค้ากับผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ หรือเรียกภาษาชาวบ้านง่ายๆว่า "ของโหล" (Mass Products) และผลิตเพียงไม่กี่แบบ ตัวอย่างเช่น Flex R หรือ S เท่านั้น จะหา Flex SR หรือ X หรือ L ก็ไม่มี หรือหายากสักหน่อยในบางแบนด์ บางรุ่นเท่านั้น Flex ของแต่ละแบนด์ แต่ละรุ่นก็มีอความอ่อน/แข็งไม่เหมือนกันอีก คือไม่มี Flex ที่เป็นมาตรฐาน (นี่พูดเฉพาะเรื่อง Flex เท่านั้นนะครับ ยังไม่ได้พูดเรื่องสเปคอื่นๆของไม้กอล์ฟเลยนะครับ) เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยจำกัดในการผลิตสินค้าประเภทนี้ มีสามารถทำให้ได้มีหลายหลากได้ ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการนักกอล์ฟที่มีความสามารถ และสรีระร่างกายที่แตกต่างกันได้ ซึ่งกอล์ฟเป็นกีฬาที่มีความละเอียดอ่อนมากๆ ต้องให้ความสนใจ / ใส่ใจ ถึงจะเล่นได้ดี และสนุกกับมัน ไม่เหมือนกับกีฬาประเภทอื่นๆ
การผลิตไม้กอล์ฟนั้นไม่สามารถผลิตได้หลายหลากสเปคให้เลือกได้ตามความต้องการได้เหมือนเช่นเดียวกับการผลิตรองเท้าได้ ที่มีขนาดเบอร์รองเท้าในรุ่นเดียวกันได้มากถึงกว่า 10 ขนาด และมีแบบให้เลือกให้เหมาะพอดีได้มากกว่าไม้กอล์ฟที่ออกมาในหนึ่งรุ่น ซึ่งในระยะหลังนี้ท่านจะสังเกตเห็นว่า หลายๆแบนด์จะพยายามออกไม้กอล์ฟรุ่นใหม่ๆให้เร็ว และบ่อยขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าตามกันไม่ทัน ซื้อปุ๊ป อีก 2 เดือนราคาตกรุ่นปรั๊ป จากราคาเกือบ 2 หมื่น ลดลงไปเกือบครึ่ง และ On Sale เร็วมาก และท่านจะมั่นใจในไม้กอล์ฟรุ่นนั้นอีกได้หรือเปล่า ซึ่งอันนี้ก็เป็นหลักทางการตลาดอีกนั่นแหละครับ
(***หากท่านเป็นนักกอล์ฟแฟชั่น หรือนักกอล์ฟออกงานก็คนละเรื่องกันนะครับ***)
(***หากท่านเป็นนักกอล์ฟแฟชั่น หรือนักกอล์ฟออกงานก็คนละเรื่องกันนะครับ***)
ตามศาสตร์ของกีฬากอล์ฟ ขนาดของไม้กอล์ฟจะต่างจากกีฬาอื่นๆอย่างมาก ทั้งขนาดหน้าไม้ และความยาวไม้ฯในการตี หรือบังคับควบคุมลูกฯ ซึ่งลูกกอล์ฟกับหน้าไม้กอล์ฟแทบจะมีขนาดที่ใกล้เคียงกันมาก และมีความยาวไม้กอล์ฟที่ยาวกว่ากีฬาประเภทอื่นๆในการตี และควบคุมลูกฯ ซ้ำยังมีการหมุนตัว หรือสวิง ตีลูกทางด้านข้างอีกด้วย ทำให้ยากยิ่งขึ้นในการตี และการควบคุมลูกฯกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ ถึงแม้ว่าลูกกอล์ฟจะอยู่นิ่งๆอยู่กับที่ก็ตาม จึงทำให้จำเป็นต้องมีศาสตร์ของวิชา Club Fitting ขึ้นมาเฉพาะสำหรับกีฬากอล์ฟนี้ ที่จะช่วยส่งเสริมทักษะการสวิงที่แตกต่างกันของนักกอล์ฟในแต่ละคนให้ได้ดีขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในออกรอบเล่นกอล์ฟในแต่ละครั้ง
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมท่านนักกอล์ฟหลายท่านเมื่อเลือกซื้อไม้กอล์ฟมาแล้ว ตึไม่ได้ หรือตึแล้วไม่ต่างอะไรจากชุดเดิม หรือ ไม้กอล์ฟที่มีอยู่หลายชุดที่ซื้อมาก็ไม่รู้ว่าชุดไหนมันเหมาะ หรือไม่เหมาะกับตัวเองอย่างไร (เพราะท่านอาจยังไม่ทราบว่า สเปคจริงๆของไม้กอล์ฟเหล่านั้นว่ามันเป็นอย่างไร ไม่เคยนำมาวัด นำมาวิเคราะห์ และนำมาทดลองเปรียบเทียบใช้จริงว่าสเปคอย่างไรที่ท่านควรนำมาใช้กับตัวเอง)
จะอธิบายให้ท่านทราบดังข้อมูลด้านล่างนี้ ซึ่งท่านจะหาซื้อสเปคไม้กอล์ฟที่เหมาะจริงๆได้อย่างไร ในชั้นวางขายไม้กอล์ฟในห้างที่มีอยู่ทั่วไป
ขนาดกริ๊ป (Grip Sizing) : ยังไม่เคยพบว่าไม้กอล์ฟหนึ่งรุ่นที่ออกมาวางขาย บนชั้นในห้านร้านนั้น มีขนาดกริ๊ปหลายขนาดให้เลือกได้ เพราะไม้กอล์ฟที่วางขายในแต่ละรุ่นนั้นมีขนาดกริ๊ป เพียงขนาดเดียวแทบทั้งนั้น แต่ความเป็นจริงขนาดฝ่ามือของแต่ละคนนั้นมีขนาดเท่ากันหรือเปล่าครับ??? หากท่านไม่ทราบเรื่องนี้เลย ก็เปรียบเสมือนท่านกำลังเสี่ยงโชคในการเลือกซื้อไม้กอล์ฟเหมือนกัน โชคดีก็ได้ขนาดกริ๊ปที่พอดีกับขนาดมือของท่าน ซึ่งท่านทราบหรือไม่ว่า ขนาดกริ๊ปนั้นมีผลต่อการตีลูกกอล์ฟในแต่ละครั้งมากอย่างไร ที่จะทำให้การปะทะลูก (Ball Impact) ที่หนักแน่น และการควบคุมทิศทางหน้าไม้ให้ได้ดีที่สุด ท่านทราบหรือไม่ว่า จากการปรับแต่งขนาดกริ๊ปใหม่ให้ได้พอดีกับขนาดมือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้นักกอล์ฟควบคุมหน้าไม้ในการตีกอล์ฟได้ดีขึ้น หนักแน่นขึ้น และได้ระยะไกลขึ้นได้
องศาหน้าไม้ / มุมสันไม้ฯกับก้าน (Loft / Lie Angle) : จากการที่ไม้กอล์ฟวางขายในท้องตลาดในแต่ละรุ่นมีความยาวไม้กอล์ฟที่เหมือนกัน ซึ่งเป็นความยาวที่กำหนดก่อนการผลิตแล้วว่าจะต้องผลิตด้วยความยาวเท่านี้ และมีนักกอล์ฟหลายท่านยังมีความเข้าใจที่ยังไม่ครบถ้วนว่า เมื่อการยืนจรดแอ๊ดเดรส (Address Posture) แล้วเห็นปลายของหัวไม้ หรือใบเหล็กตั้งขึ้น หรือกระดกสูงจากระนาบพื้นนั้น แสดงว่า Lie Angle ไม่เหมาะสมแล้วควรนำไม้กอล์ฟไปดัด Lie Angle จะทำให้ตีลูกได้ในทิศทางที่ดีขึ้นกว่า (ของชุดเหล็ก) แต่ลืมนึกไปว่ามีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ทิศทางของลูกผิดไป เช่น ความยาวก้านที่ยาวเกินไป ที่ไปมีผลต่อ Lie Angle เพราะความยาวแขน และความสูงของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน หรืออาจเป็นเพราะก้านที่อ่อนไปที่ทำให้การดีดของก้านเปลี่ยนมุมปะทะลูกกอล์ฟเปลี่ยนไป (Angle of Attack) ในจังหวะ Down swing เข้าหาจุดปะทะลูกฯ
นอกจากนั้นองศาหน้าไม้ใน Driver ก็มีให้เลือกจำกัดเพียง 9/9.5 หรือ 10/10.5 องศาเท่านัั้น ซึ่งก็อาจเป็นเพราะปัจจัยการผลิต และการตลาดอีกนั่นเอง จึงทำให้นักกอล์ฟทั่วไปคิคว่า Loft Angle ที่ต่ำจะทำให้ได้มุมเหินที่ต่ำ ที่เป็นผลให้ได้ระยะวิ่ง (Carry Distance) ที่ไกลกว่า เพราะคิดว่า Loft ต่ำทำให้ลูกวิ่งกว่า ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
(ท่านคงเคยพบเห็นนักกอล์ฟสมัครเล่นหลายท่าน ไดร์ฟหัวไม้ 3 ได้ไกลหรือเท่ากันกับ หัวไม้ 1 (Driver) ทั้งๆที่ หัวไม้ 3 มีองศาหน้าไม้ที่ 15 องศาซึ่งมากกว่า และก้านก็ยังสั้นกว่าหัวไม้ 1 อีกด้วย นั่นเป็นสาเหตุขององศาหน้าไม้ที่ไม่เหมาะกับการสวิงของแต่ละคน โดยเฉพาะจังหวะ และความเร็วหัวไม้ที่ช้า (Low-Medium Club Head Speed)
นอกจากนั้นองศาหน้าไม้ใน Driver ก็มีให้เลือกจำกัดเพียง 9/9.5 หรือ 10/10.5 องศาเท่านัั้น ซึ่งก็อาจเป็นเพราะปัจจัยการผลิต และการตลาดอีกนั่นเอง จึงทำให้นักกอล์ฟทั่วไปคิคว่า Loft Angle ที่ต่ำจะทำให้ได้มุมเหินที่ต่ำ ที่เป็นผลให้ได้ระยะวิ่ง (Carry Distance) ที่ไกลกว่า เพราะคิดว่า Loft ต่ำทำให้ลูกวิ่งกว่า ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
(ท่านคงเคยพบเห็นนักกอล์ฟสมัครเล่นหลายท่าน ไดร์ฟหัวไม้ 3 ได้ไกลหรือเท่ากันกับ หัวไม้ 1 (Driver) ทั้งๆที่ หัวไม้ 3 มีองศาหน้าไม้ที่ 15 องศาซึ่งมากกว่า และก้านก็ยังสั้นกว่าหัวไม้ 1 อีกด้วย นั่นเป็นสาเหตุขององศาหน้าไม้ที่ไม่เหมาะกับการสวิงของแต่ละคน โดยเฉพาะจังหวะ และความเร็วหัวไม้ที่ช้า (Low-Medium Club Head Speed)
การประกอบไม้กอล์ฟ (Club Assembly) : ต้องเข้าใจปัจจัยในการผลิตสินค้าที่แผนการขายจำนวนมากๆ (Mass Production) มีความละเอียด และพิถีพิถันในการผลิต หรือประกอบไม้กอล์ฟ ในแต่ละไม้นั้น จะไม่สามารถทำให้มีตัวเลือกได้มาก ให้พอดีกับ จังหวะ และวงสวิงที่แตกต่างกันได้ (Custom Made) โรงงานจะผลิตไม่มากไปกว่า 1-2 สเปค ดังที่ทราบกันอยู่แล้ว เพราะฉนั้นการรื้อสเปคเดิมที่ประกอบจากโรงงาน เพื่อปรับแต่งให้เป็นสเปคใหม่ หรือ เลือกวัดตัดไม้กอล์ฟใหม่ตามศาสตร์วิชา Club Fitting ย่อมจะให้สเปคที่เหมาะ และดี ใกล้เคียงกับความต้องการของนักกอล์ฟในแต่ละคนได้มากกว่า
เพราะฉนั้นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ไม้กอล์ฟที่วางขายอยู่บนชั้นตามห้าง/ร้านไม้กอล์ฟทั่วไป ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักกอล์ฟที่มีสรีระ และวงสวิงที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว ซึ่งทำให้นักกอล์ฟหลายท่านตระเวนหา และอยากเปลี่ยนไม้กอล์ฟกันอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางว่า ท่านต้องการไม้กอล์ฟแบบไหน / สเปคไหนดีที่จะเหมาะสม และใกล้เคียงความต้องการของท่านมากที่สุด คุ้มกับเงินที่เสียไปในการซื้อ/เปลี่ยนไม้กอล์ฟแต่ละครั้ง ซึ่ง ท่านพอจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้วใช่ไหมว่า ไม้กอล์ฟที่มีสเปคเดิมๆ จากโรงงาน (Standard Spec หรือ One Size Fit All) นั้นจะเหมาะสม และ Fit พอดีกับท่าน หรือนักกอล์ฟในทุกๆคนหรือไม่????
ลองปรึกษาร้าน Professional Club Fitting (ที่ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายไม้กอล์ฟสำเร็จรูปแบนด์ฯดังต่างๆ ที่เป็นสเปคมาตรฐานโรงงาน) จะเป็นทางลัดที่ดีกว่าในการเลือกหาซื้อไม้กอล์ฟ หากท่านซื้อตามกระแสโฆษณาขายในปัจจุบัน ซึ่งมีรุ่นต่างๆออกมาอย่างต่อเนื่อง และออกมาเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เสมือนอย่างกับเป็นแฟชั่น ซึ่งก็สรุปไม่ได้ว่ารุ่นไหนที่จะเหมาะกับท่านจริงๆ ซึ่งอาจจะเหมาะกับเพื่อนท่านก็ได้ แต่ไม่เหมาะกับตัวท่านเอง
ผมคิดว่าท่านผู้รักในกีฬากอล์ฟคงจะได้ข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้วไว้สำหรับการพิจารณาเลือกซื้อไม้กอล์ฟไว้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ท่านจะได้ไม่ต้องมีไม้กอล์ฟอยู่หลายชุด หรือสะสมไว้เกือบเต็มพื้นที่ในบ้าน และพยามยามหาทางขายต่อ / ซื้อใหม่แบบขาดทุน ที่ไม่รู้จบ เพราะ Standard Spec เปลี่ยนเป็น Standard Spec จนกว่าท่านจะโชคดี ซึ่งขอใช้คำว่า โชคดีนะครับ ที่ได้ Standard Spec บางแบนด์ในบางรุ่นเท่านั้นที่เหมาะ หรือใกล้เคียงกับท่านจังหวะสวิงของท่านจริงๆ แต่ลองคิดดูซิครับบริษัทฯผลิตไม้กอล์ฟไม่ใช่มีเพียง 2-3 แบนด์ มีเป็นหลายสิบแบนด์เลยทีเดียวนะครับ
ผมคิดว่าท่านผู้รักในกีฬากอล์ฟคงจะได้ข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้วไว้สำหรับการพิจารณาเลือกซื้อไม้กอล์ฟไว้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ท่านจะได้ไม่ต้องมีไม้กอล์ฟอยู่หลายชุด หรือสะสมไว้เกือบเต็มพื้นที่ในบ้าน และพยามยามหาทางขายต่อ / ซื้อใหม่แบบขาดทุน ที่ไม่รู้จบ เพราะ Standard Spec เปลี่ยนเป็น Standard Spec จนกว่าท่านจะโชคดี ซึ่งขอใช้คำว่า โชคดีนะครับ ที่ได้ Standard Spec บางแบนด์ในบางรุ่นเท่านั้นที่เหมาะ หรือใกล้เคียงกับท่านจังหวะสวิงของท่านจริงๆ แต่ลองคิดดูซิครับบริษัทฯผลิตไม้กอล์ฟไม่ใช่มีเพียง 2-3 แบนด์ มีเป็นหลายสิบแบนด์เลยทีเดียวนะครับ