🔺เลือกสเปคหัวไม้นักกอล์ฟส่วนใหญ่ นอกจากจะเลือกจาก หน้าตา / รูปลักษณ์ / วัสดุการออกแบบตามความชอบตัวเอง หรือตามตลาดนิยมแล้ว
🔷 ควรเลือกจากปัจจัยเหล่านี้เป็นสำคัญ
1. องศาหน้าไม้ (Loft Angle)ให้เหมาะกับทักษะความสามารถ (ในตลาดมีน้อย แค่ 2 แบบ/องศา 9-10.5) Senior Golfer ต้องการควรมากกว่านั้น 12-14 องศา
2. จุดกึ่งกลางศูนย์ถ่วง (Center Gravity) ทั้งแนวตั้ง (สูง,ต่ำ) และแนวนอน (ลึก,ตื้น) ที่จะไปช่วยองศาหน้าไม้กำหนด Dynamic Loft ตอนอิมแพค เป็นผลต่อมุมยกตัวของลูกกอล์ฟจะสูง หรือต่ำ
3. เลือกขนาด (Volume) หรือ MOI หัวไม้ ที่ต้องการชดเชยความผิดพลาด (Forgiveness) และความเสถียรหัวไม้มากน้อยอย่างไร หน้าไม้กว้าง / แคบ เพื่อเพิ่ม/ลดมุมเหิน
4. มุมหน้าไม้ (Face Angle) กำหนดทิศทาง และความแม่นยำ โดยเฉพาะไม้กอล์ฟที่ยาวที่สุดในถุงกอล์ฟ จะสวิงหน้าไม้ให้กลับมาสแควร์ได้ยากตอนอิมแพค
5. ราคา (Price) ที่ตอบสนองทรัพย์ในกระเป๋า...ตามความชอบ และสังคมนิยม หรือต้องการใช้จริง ใช่ขายต่อได้
🔶สิ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือ
🔷 สเปคหัวไม้ ควรจะต้องทำงานร่วมกับ สเปคก้าน ที่จะมารวมกันเป็น สเปคไม้กอล์ฟ กับทักษะความสามารถของนักกอล์ฟ ที่จะกำหนดผลงานออกมาเป็น มุมเหิน (Launch Angle) ซึ่งเป็นที่มาของระยะ และทิศทาง (Direction) ที่ดีที่สุด
🔺 หัวไม้ไม่สามารถทำงานให้ออกเป็นผลงานได้โดยลำพัง ยังรวมถึงสิ่งสำคัญ คือ การประกอบให้เป็นสเปคไม้ฯที่เหมาะกับความสามารถ แต่ละคนที่แตกต่างกัน เช่น ความยาวก้าน / สวิงเวท / ขนาดกริ๊ป / จัดแนวดีดก้าน / น้ำหนักรวมไม้ฯ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
🔹 ดังนั้น..การโฆษณาว่า หัวไม้รุ่นนี้ หรือรุ่นนั้นตีไกลกว่านั้น ไม่ได้มีปัจจัยเพียงเฉพาะตัวหัวไม้เองเท่านั้นเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่น คือ สรีระ และทักษะทางกีฬาของผู้ใช้จริงที่แตกต่างกัน หากประกอบเป็นสเปคโรงงานมา OEM (Original Equipment Manufacturer) ให้เลือกแค่ Flex ก้าน R หรือ S และ Loft Angle 9.5 หรือ 10.5
🔼 ซึ่งสเปค OEM นั้น คงจะตอบโจทย์ความต้องการท่านได้เพียงจำกัดเท่านั้น ยี่ห้ออะไร หรือแบรนด์ไหนก็ได้ ควรต้องพิจารณากันที่สเปคที่เหมาะสมเฉพาะคนดังกล่าว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่นำไปฝึกซ้อม และใช้จริงได้ดีที่สุดนะครับ