19 มกราคม 2558

ไม้กอล์ฟไดร์ฟเวอร์ที่วางขายในตลาดไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับนักกอล์ฟทุกคน

ในโลกของอุปกรณ์ไม้กอล์ฟปัจจุบันนี้ มีการแข่งขันกันสูงมากในการลงทุนโฆษณา และให้สปอนเซอร์นักกอล์ฟมืออาชีพ เพื่อโปรโมทสินค้าไม้กอล์ฟอย่างต่อเนื่อง ให้ได้สินค้าแบนด์นั้นติดตลาดและคุ้นหูคุ้นตากันในมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อมาเป็นเจ้าของได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะไดร์ฟเวอร์ หรือหัวไม้ 1 ที่มีการออกจำหน่ายในตลาดเป็นแฟชั่นเลยก็ว่าได้ รุ่นใหม่ๆออกมาราคาแพงมาก แต่อีกไม่กี่เดือนก็ออกรุ่นใหม่มาอีกในยี่ห้อ/แบนด์เดียวกัน ซึ่งทำให้รุ่นเก่านำมาลดราคาแบบถูกมาก ใครซื้อตอนแรกแทบจะร้องไม่ออกเลย ถูกกว่าครึ่งเลยที่เดียว แต่ก็ยังตอบคำถามไม่ได้ว่า ไดร์ฟเวอร์อันไหน/รุ่นไหนมันดีกว่า และต่างกันอย่างไร

หัวไม้ไดร์ฟเวอร์ในแต่ละแบนด์ที่ออกมาจำหน่ายในตลาดนั้นมีองศาหน้าไม้ (Loft Angle) ที่วางขายอย่างมากแค่ 2 แบบให้เลือก ส่วนใหญ่ก็จะมีเพียง 9.5 หรือ 10.5 องศา นั่นเป็นเพราะว่าขอจำกัดในต้นทุนการผลิต และการทำตลาด เพราะต้นทุนการผลิตต่อหนี่งหัวไม้ นั้นสูงมากที่จะทำให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 2 แบบ (ถ้าผลิตเช่นเดียวกับเบอร์รองเท้า) เพราะผู้ผลิตทราบดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถตอบสนองให้ลูกค้าได้ทุกระดับฝึมือ ที่จะทำให้ลูกค้า/ผู้บริโภคเล่นกอล์ฟให้ได้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะความสามารถนักกอล์ฟที่แตกต่างกัน และมีทักษะทางกีฬาหลายระดับ จึงทำออกแบบการผลิตให้มีการปรับองศาหน้าไม้ได้ในหัวไม้เดียวกันได้ -/+2 องศา ซึ่งจริงๆแล้วองศาหน้าไม้ที่ไม่ได้วาง หรือสัมผัสกับพื่นไม่สามารถวัดองศาที่แท้จริงออกมาได้อย่างคงที่และแน่นอน (ไดร์ฟเวอร์จะตีบนที ไม่ใช่ตีกับพื้น ซึ่งองศาหน้าไม้จะเปลี่ยนไปตอนการจับกริ๊ปที่ต่างกันออกไปของนักกอล์ฟแต่ละคน) ซึ่งนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไปก็เข้าใจ และอยากได้ไดร์ฟเวอร์ที่สามารถปรับองศาหน้าไม้ได้ตามคำโฆษณาอย่างนั้น
(การเปลี่ยนองศาหน้าไม้ในไดร์ฟเวอร์สำหรับนักกอล์ฟมือดีก็สามารถทำได้ เพียงเปลี่ยนการจับกริ๊ป หรือปักทีให้สูงขึ้น หรือเลื่อน/เปลี่ยนตำแหน่งของการยืนจรดแอดเดรส ก็ทำให้องศาหน้าไม้นั้นเมื่ออิมแพคเปลี่ยนไปนั้นเอง)

นักกอล์ฟหลายท่านซื้อไม้กอล์ฟแบบนั้นมาแล้วก็ไม่เข้าใจหลักการในการเพิ่มหรือลดองศาหน้าไม้ ว่าจะช่วยอะไรกับตัวเองได้ เพียงแต่ซื้อมาเพราะเขาบอกว่ามันปรับองศาหน้าไม้ได้หลายแบบ หรือคือมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ก็เลยตัดสินใจซื้อมา ซึ่งไม่เคยรู้ว่าองศาหน้าไม้ที่เหมาะกับความสามารถทักษะการสวิงของตัวเองเป็นอย่างไร  รวมไปถึงขนาดความยาวก้านฯที่เหมาะสม กับตัวเองว่าควรมีความยาวเท่าไร และมีน้ำหนักก้าน/น้ำหนักรวมไม้กอล์ฟ ว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะเหมาะกับความแข็งแรงร่างกายตัวเอง (หรือเลือกอันที่เบาๆไว้ก่อน) จึงเหมือนจำเป็นต้องเสี่ยงซื้อไดร์ฟเวอร์นั้นมา เพราะคิดว่าราคาแพงเป็นรุ่นใหม่มันน่าจะดี จะทำให้ตีได้ไกลขึ้นได้แน่ๆ ด้วยเหตุนี้ตามความเป็นจริงแล้วท่านนักกอล์ฟหลายท่านคงเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วใช่ไหมครับ ว่าเป็นคำตอบถูกต้องหรือไม่ ราคาแพงต้องเป็นไม้ฯที่ดีกับตัวเองจริงๆ

มุมเหิน B เป็นมุมที่ได้ระยะมากที่สุด
จะยกตัวอย่างให้ทราบว่า องศาหน้าไม้ 9.5 หรือ 10.5 องศา เป็นองศาที่ต่ำเกินไปที่นักกอล์ฟมือสมัครเล่นทั่วไปจะตีให้ลูกกอล์ฟยกตัวให้ลอยสูงขึ้น และควบคุมระยะให้ได้ไกลขึ้นได้ ผู้ผลิตจึงผลิตก้านฯที่ประกอบติดมาให้มีน้ำหนักก้านที่เบา และมีความอ่อนตัวสูงโดยเฉพาะที่ส่วนปลายก้าน (Low Kick หรือ Low Bending) ซึ่งจะทำให้องศาหน้าไม้ที่ปะทะลูกเป็นมุมองศาที่สูงขึ้น (High Dynamic Loft) จาก 9.5 / 10.5 เป็น 14/15 องศา เพื่อชดเชยกับองศาหน้าไม้จริงที่ต่ำ ซึ่งจะให้เกิดมุมเหิน (Launch angle) ที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ระยะตามหลักฟิตติ้งไม้กอล์ฟ แต่ด้วยเหตุนี้ก็จะมีข้อเสียก็คือ การควบคุมหน้าไม้ให้สแควร์ ตีเข้ากลางหน้าไม้ได้บ่อยๆครั้งจะลดลง เพราะก้านที่ยาว และอ่อนกว่าปกติ ดังนั้นนักกอล์ฟที่ต้องการตีให้ได้ต้องปรับวงสวิงให้เข้ากับไม้กอล์ฟ ด้วยการลดความเร็วสปีด หรือสวิงให้ช้าลง ถึงจะควบคุมได้ ด้วยเหตุนี้จะได้ระยะที่เพิ่มขึ้นนั้น ก็เป็นไปได้ยากครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ลองเปรียบเทียบสเปค ระหว่างไดร์ฟเวอร์ กับ ชุดเหล็กก็ได้ครับ ถ้าไดร์ฟเวอร์มีองศาหน้าไม้ที่ต่ำ และมีน้ำก้าน/น้ำหนักรวมที่เบา จะทำให้ตีได้ง่าย ได้มุมเหินที่ดี ได้ระยะมากขึ้น ก็น่าจะเป็นวิธีคิดแบบเดียวกันว่า ทำไมในชุดเหล็ก ซึ่งเหล็กยาว (เหล็ก 4) มีองศาหน้าไม้ต่ำ / น้ำหนักเบากว่า และความยาวก้านที่ยาวกว่าเหล็กอื่นๆในชุด (คล้ายๆกับไดร์ฟเวอร์) มันก็หน้าจะตีได้ง่ายกว่าเหล็กสั้นสิครับ แต่กลับเป็นว่าเหล็กสั้น (เหล็ก 6 หรือ 7) ที่มีองศาหน้าไม้ที่มากกว่า และน้ำหนักรวมที่มากกว่า แต่ตีได้ง่ายและควบคุมระยะได้ตามต้องการกว่าเหล็กยาวเสียอีก หรือหากเปรียบเทียบกับหัวไม้ Fairway wood#3 หรือ Fairway wood#5 ก็คงเป็นวิธีคิดแบบเดียวกันใช่ไหมครับ (แล้วท่านยังจะอยากใช้องศาหน้าไม้ในไดร์ฟเวอร์ที่ต่ำ และมีก้านที่ยาวอีกหรือเปล่าครับ)

ความยาวก้านที่ตีเข้ากลางหน้าไม้บ่อยขึ้น
ดังนั้นองศาหน้าไม้ (Loft Angle) และความยาวก้าน (Club Length) เป็นตัวควบคุมระยะและทิศทางมากกว่าองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะทำให้นักกอล์ฟมีระยะที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่ตัวก้านที่จะนำมาพิจารณาเป็นปัจจัยหลักในการเลือกและปรับปรุงเพื่อให้ได้ระยะ สำหรับก้าน ควรคำนีงถ้าน น้ำหนักก้าน (Shaft Weight) และ ความอ่อนแข็งก้าน (Flex หรือ Bending Profiles) ซึ่งควรเลือกตามความแข็งแรง และทักษะการสวิงที่ต่างกันของแต่ละคน ซึ่งไม้กอล์ฟที่วางขายอยู่ตามชั้นในห้างนั้นได้บังคับสเปคให้ผู้ซื้อใช้ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งองศาหน้าไม้ / ความยาวก้าน และน้ำหนักก้าน ที่ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะสมกับนักกอล์ฟส่วนใหญ่เลย เหมือนท่านโดนบังคับซื้อ หรือลองซื้อมาใช้ดูว่าเผื่อจะตีได้ ผมถือว่าเป็นการเสี่ยงโชคนะครับ โชคดีก็ตีได้ โดยไม่มีวิธีคิดตามหลัก Golf Club Fitting แต่เป็นน่าเสียดายกับหลายๆท่านที่ซื้อมาแล้ว ลองแล้วไม่โดน ไม่ถูกใจ ก็ต้องขาย และเปลี่ยนมาซื้อแบนด์อื่นๆวนเวียนไปจนกว่าจะเจอไม้กอล์ฟที่ถูกใจ สรุปแล้วน่ามีไดร์ฟเวอร์หลายอัน อาจเปิดร้านขายไม้กอล์ฟมือสองในบ้านได้เลยนะครับ