หัวไม้ไดร์ฟเวอร์ในแต่ละแบนด์ที่ออกมาจำหน่ายในตลาดนั้นมีองศาหน้าไม้ (Loft Angle) ที่วางขายอย่างมากแค่ 2 แบบให้เลือก ส่วนใหญ่ก็จะมีเพียง 9.5 หรือ 10.5 องศา นั่นเป็นเพราะว่าขอจำกัดในต้นทุนการผลิต และการทำตลาด เพราะต้นทุนการผลิตต่อหนี่งหัวไม้ นั้นสูงมากที่จะทำให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 2 แบบ (ถ้าผลิตเช่นเดียวกับเบอร์รองเท้า) เพราะผู้ผลิตทราบดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถตอบสนองให้ลูกค้าได้ทุกระดับฝึมือ ที่จะทำให้ลูกค้า/ผู้บริโภคเล่นกอล์ฟให้ได้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้เพราะความสามารถนักกอล์ฟที่แตกต่างกัน และมีทักษะทางกีฬาหลายระดับ จึงทำออกแบบการผลิตให้มีการปรับองศาหน้าไม้ได้ในหัวไม้เดียวกันได้ -/+2 องศา ซึ่งจริงๆแล้วองศาหน้าไม้ที่ไม่ได้วาง หรือสัมผัสกับพื่นไม่สามารถวัดองศาที่แท้จริงออกมาได้อย่างคงที่และแน่นอน (ไดร์ฟเวอร์จะตีบนที ไม่ใช่ตีกับพื้น ซึ่งองศาหน้าไม้จะเปลี่ยนไปตอนการจับกริ๊ปที่ต่างกันออกไปของนักกอล์ฟแต่ละคน) ซึ่งนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไปก็เข้าใจ และอยากได้ไดร์ฟเวอร์ที่สามารถปรับองศาหน้าไม้ได้ตามคำโฆษณาอย่างนั้น
(การเปลี่ยนองศาหน้าไม้ในไดร์ฟเวอร์สำหรับนักกอล์ฟมือดีก็สามารถทำได้ เพียงเปลี่ยนการจับกริ๊ป หรือปักทีให้สูงขึ้น หรือเลื่อน/เปลี่ยนตำแหน่งของการยืนจรดแอดเดรส ก็ทำให้องศาหน้าไม้นั้นเมื่ออิมแพคเปลี่ยนไปนั้นเอง)
นักกอล์ฟหลายท่านซื้อไม้กอล์ฟแบบนั้นมาแล้วก็ไม่เข้าใจหลักการในการเพิ่มหรือลดองศาหน้าไม้ ว่าจะช่วยอะไรกับตัวเองได้ เพียงแต่ซื้อมาเพราะเขาบอกว่ามันปรับองศาหน้าไม้ได้หลายแบบ หรือคือมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ก็เลยตัดสินใจซื้อมา ซึ่งไม่เคยรู้ว่าองศาหน้าไม้ที่เหมาะกับความสามารถทักษะการสวิงของตัวเองเป็นอย่างไร รวมไปถึงขนาดความยาวก้านฯที่เหมาะสม กับตัวเองว่าควรมีความยาวเท่าไร และมีน้ำหนักก้าน/น้ำหนักรวมไม้กอล์ฟ ว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะเหมาะกับความแข็งแรงร่างกายตัวเอง (หรือเลือกอันที่เบาๆไว้ก่อน) จึงเหมือนจำเป็นต้องเสี่ยงซื้อไดร์ฟเวอร์นั้นมา เพราะคิดว่าราคาแพงเป็นรุ่นใหม่มันน่าจะดี จะทำให้ตีได้ไกลขึ้นได้แน่ๆ ด้วยเหตุนี้ตามความเป็นจริงแล้วท่านนักกอล์ฟหลายท่านคงเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วใช่ไหมครับ ว่าเป็นคำตอบถูกต้องหรือไม่ ราคาแพงต้องเป็นไม้ฯที่ดีกับตัวเองจริงๆ
มุมเหิน B เป็นมุมที่ได้ระยะมากที่สุด |
ยกตัวอย่างง่ายๆ ลองเปรียบเทียบสเปค ระหว่างไดร์ฟเวอร์ กับ ชุดเหล็กก็ได้ครับ ถ้าไดร์ฟเวอร์มีองศาหน้าไม้ที่ต่ำ และมีน้ำก้าน/น้ำหนักรวมที่เบา จะทำให้ตีได้ง่าย ได้มุมเหินที่ดี ได้ระยะมากขึ้น ก็น่าจะเป็นวิธีคิดแบบเดียวกันว่า ทำไมในชุดเหล็ก ซึ่งเหล็กยาว (เหล็ก 4) มีองศาหน้าไม้ต่ำ / น้ำหนักเบากว่า และความยาวก้านที่ยาวกว่าเหล็กอื่นๆในชุด (คล้ายๆกับไดร์ฟเวอร์) มันก็หน้าจะตีได้ง่ายกว่าเหล็กสั้นสิครับ แต่กลับเป็นว่าเหล็กสั้น (เหล็ก 6 หรือ 7) ที่มีองศาหน้าไม้ที่มากกว่า และน้ำหนักรวมที่มากกว่า แต่ตีได้ง่ายและควบคุมระยะได้ตามต้องการกว่าเหล็กยาวเสียอีก หรือหากเปรียบเทียบกับหัวไม้ Fairway wood#3 หรือ Fairway wood#5 ก็คงเป็นวิธีคิดแบบเดียวกันใช่ไหมครับ (แล้วท่านยังจะอยากใช้องศาหน้าไม้ในไดร์ฟเวอร์ที่ต่ำ และมีก้านที่ยาวอีกหรือเปล่าครับ)
ความยาวก้านที่ตีเข้ากลางหน้าไม้บ่อยขึ้น |