ก้านไม้กอล์ฟที่เรามองเห็นอยู่ทั่วไปนั้น ท่านรู้ไหมว่ามันมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งไม่เป็นเพียงตัวอักษรที่พิมพ์บนก้านไม้กอล์ฟว่าเป็น Flex อะไร เช่น Flex R / S หรือมีสีสรรที่สวยงาม และโลโก้ของแบนด์ที่บอกบนก้าน เพียงเท่านี้หรือ...ที่นักกอล์ฟสามารถค้นพบหาก้านไม้กอล์ฟที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างถูกต้อง
|
ก้านแบนด์ที่วางขายทั่วไป |
นักกอล์ฟหลายท่านปรารถนาที่จะมีไม้กอล์ฟประจำตัวดีๆสักชุด ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดกับตัวเอง ส่วนใหญ่ก็จะนิยมมองการปรับแต่ง ก้านไม้กอล์ฟดีๆมาทดแทนอันเดิมที่ติดมาจากโรงงาน หรือ ทำ Fitting หรือโมดิฟายที่เรียกๆกัน การที่จะหาก้านโมดิฟายสักก้านนั้นมันก็มีมากมาย หลายยี่ห้อ หลายรุ่น (ที่เป็นยี่ห้อเดียวกัน) แล้วควรเลือกอันไหนล่ะที่จะตรงประเด็นมากกว่า โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเปล่าเพราะไม่ถูกใจ เพราะเปลี่ยนตามเพื่อน ตามโฆษณาว่าเป็นก้านใหม่ล่าสุดเพิ่งวางตลาด
โครงสร้างของก้านไม้กอล์ฟนั้น หากดูภายนอกก็จะไม่ทราบรายละเอียดคุณสมบัติว่าก้านฯนั้นมันแตกต่างกันอย่างไร และจะให้ประสิทธิภาพกับนักกอล์ฟแต่ละคนอย่างไร ที่มีความต่างทางสรีระ และความสามารถในการสวิง เพราะหากเลือกดูเฉพาะ Flex ที่บอกบนก้านนั้น ก็ไม่ได้เป็น Flex ที่มาตรฐานแต่อย่างใด เช่น Flex R ของแบนด์หนี่งความอ่อน/แข็ง ก็จะไม่เหมือนกันกับ Flex R อีกแบนด์หนึ่ง หรืออาจจะเท่ากันกับ Flex S ก็ได้ อาจจะทำให้ผิดพลาดได้
ซึ่งบางท่านอาจทราบแล้วว่าการวัด Flex หรือความอ่อนแข็งของก้านไม้กอล์ฟนั้น เขาวัดกันที่ความถี ( Frequency) ของก้านเมื่อมีการดีด ขึ้น-ลง ต่อความยาวหนึ่งเท่านั้น ที่มีค่าออกมาเป็น CPM (Circle Per Minute) หมายถึง ความถึ่ที่ดีด ขึ้น และ ลง จำนวนหนึ่งรอบ (Circle) ต่อหนึ่งนาทีมีค่าเฉลี่ยออกมาเท่าไร
หากมีค่ามาก ก็ถือได้ว่าก้านนั้นมีความแข็งมาก และค่าน้อยก้านนั้นก็จะอ่อน ซึ่งความยาวก้านนั้นก็มีผลต่อค่า CPM นี้ด้วย หากนำมาเปรียบเทียบความอ่อน/แข็ง ในก้านต่อก้าน
ซึ่งในปัจจุบันบริษัทก้านไม้กอล์ฟก็จะโฆษณาบอกรายละเอียดเพิ่มเติมไปบนก้านว่า ก้านรุ่นนั้นมี CPM เท่าไร ให้เป็นเทคนิคทางการตลาดมากขึ้นกับผู้บริโภคในการเลือก แต่เท่านั้นก็ยังวัดคุณสมบัติก้านนั้นได้ไม่ทั้งหมด เป็นเพียงวัดค่า CPM ที่โคนก้านเท่านั้น (Butt Flex) ซึ่งก้านไม้กอล์ฟนั้นไม่ได้ทำงานเฉพาะที่โคนก้านอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีความสำคัญในส่วนของปลายก้านด้วย (Tip Flex)
|
สเปคก้านไม้กอล์ฟที่บอกรายละเอียดทั่วไป |
Tip Flex อ่อน หรือแข็งนั้นจะให้การดีด และการควบคุมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการโหลดก้านที่ใส่เข้าไป หรือ ความเร็วสปีด (Club Head Speed) ที่ทำได้ว่าเหมาะสมกับก้านที่มี Tip Flex อ่อน/แข็งอย่างไร แต่รับรองได้เลยว่า ก้านไม้กอล์ฟที่วางขายเป็นแบนด์ดังด้วยนั้น เขาจะไม่บอกรายละเอียด ของ Tip Flex นั้นแน่นอน อาจบอกเพียง Kick Point หรือ จุดงอตัวดีดว่า สูง / กลาง / ต่ำ (Low/Mid/High Kick point) หรือ มีค่า Torque กำกับอยู่ด้วยเท่านั้น ( Torque คือค่าการบิดตัวก้านมีหน่วยเป็นองศา หากบิดองศามาก ก้านอ่อน และองศาน้อยก้านแข็ง ซึงก็ไม่ต่างอะไรกับค่า Flex ที่ไม่เป็นค่ามาตรฐานนั่นเอง)
|
ค่า CPM บนก้านที่เหมือน และแตกต่างกันเมื่อนำมาเปรียบเทียบในสเปดเดียวกัน |
ซึ่งเมื่อเข้าร้าน Professional Club Fitting ควรมีเครื่องวัดค่า CPM เพื่อเปรียบเทียบก้าน ต่อ ก้านได้ ซึ่งท่านนักกอล์ฟไม่จำเป็นต้องทราบว่า ก้านนั้นบอกอะไรบนก้าน หรือเป็นยี่ห้อดัง เพราะก้านที่ต่างกันจริงๆ หรือเหมือนกันนั้น
ประการแรกควรเปรียบเทียบ น้ำหนักก้าน (Shaft Weight) ว่ามีน้ำหนักอย่างไร และ
ประการที่สองคือ ความทราบว่า CPM บนก้านว่าเป็นอย่างไร ตั้งแต่โคนจรดปลายก้าน เพื่ิอให้ได้ก้านที่เหมาะสมกันนักกอล์ฟหนึ่งคน และ
ประการสุดท้ายที่จำเป็นอย่างยิ่งประกอบการวิเคราะห์ ต้องตรวจสอบวงสวิง และความเร็วหัวไม้ ว่าเป็นนักกอล์ฟที่มีวงสวิงอย่างไร จึงจัดก้านได้อย่างเหมาะสมและใกล้เคียงที่สุดตามคุณสมบัติของก้านฯที่ออกมาจริงๆ
ดังนั้นจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเป็นก้านฯยี่ห้ออะไร หากมีน้ำหนักก้าน และค่า CPM บนก้านที่เหมือน หรือใกล้เคียงกัน เรื่องของแบนด์ หรือยี่ห้อ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลยที่จะนำไปใช้จริง เพียงแต่เรื่องราคา และการพิจารณาของท่านเอง ว่าท่านต้องการอะไรจากก้านฯที่กำลังจะซื้อนั้น ไว้ใช้ / โชว์ หรือเพื่อขายต่อละครับท่าน