มีคำพูดว่า
"ไม้กอล์ฟ หรือ ก้านที่เบาช่วยให้เพิ่มความเร็วสปีด และความเร็วสปีดจะเพิ่มระยะ" เป็นคำพูดที่ไม่ผิด และเคยได้ยินอยู่เสมอ แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดระยะ ควบคู่ไปกับความเร็วสปีด อย่างแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว นั้นก็คือ บอลสปีด (Ball Speed) ก็หมายถึง ความเร็วของลูกกอล์ฟที่ออกจากหน้าไม้ฯ หลังจากความเร็วหัวไม้วิ่งเข้าปะทะลูกกอล์ฟที่หน้าไม้ไปแล้ว ซึ่งเป็นตัวกำหนดระยะที่ควรจะได้ที่ใกล้เคียงที่สุด
นักกอล์ฟที่มีความเร็วสปีด หรือ สวิงสปีด ที่เท่ากัน แต่มี Ball Speed ที่ต่างกัน คนที่มีบอลสปีดที่สูงกว่า จะสามารถได้ระยะที่ไกลกว่าอย่างแน่นอน แต่ก็ควรมีค่า
"Smash Factor" ที่ดีด้วย เจ้าตัวนี้มันก็คือ
ค่าของบอลสปีด หารด้วย ความเร็วหัวไม้ ซึ่งเป็นตัวบงบอกว่าการถ่ายทอดพลังงานจากไม้กอล์ฟ ไปยังลูกกอล์ฟได้ดี และเต็มประสิทธิภาพเพียงใด (Energy Transition) ซึ่งการถ่ายทอดพลังงานที่ดีที่สุดไปยังลูกกอล์ฟ ต้องมีบอลอิมแพ็ค (Ball Impact) ที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการอิมแพ็คของไม้กอล์ฟ กับ ลูกกอล์ฟที่ดีที่สุดนั้นก็คือ ควรอิมแพ็คให้ตรงกลางหน้าไม้ (Center Impact) ทั้งนี้ยังไม่รวมถึง
มุมที่อิมแพ็ค (Angle of Attack) ที่ควรนำมาพิจารณาประกอบอีกด้วย
ซึ่งนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไปพยายามเร่งความเร็วสปีดให้ได้มากๆ โดย
ใช้ไม้กอล์ฟที่เบา และมีก้านที่ยาวเพื่อจะเพิ่มความเร็วสปีดให้สูงขึ้น และตีให้แรง แต่ควบคุมการสวิงไม่ได้ เพราะคิดว่าจะทำให้ได้ระยะที่ไกลขึ้น ซึ่งไม่ได้คำนึงถึงการอิมแพ็คที่ดี ให้ได้ตรงกลางหน้าไม้ เลยทำให้บอลสปีดออกมาต่ำ และบางครั้งนักกอล์ฟที่มีความเร็วสปีดช้ากว่า แต่มี Smash Factor หรือมีบอลสปีดที่สูงกว่า ก็ทำให้ได้ระยะที่ไกลกว่า นอกจากนั้นควรพิจารณาเรื่องมุมปะทะ (Angle of Attack) ว่าเป็นมุมกด / ขนาน หรือมุมเสย ซึ่งเป็นตัวกำหนดอัตราสปิน และระยะที่ควรจะได้ด้วย
ดังนั้นปัจจุบันในการปรับแต่งไม้กอล์ฟอย่างไรให้นักกอล์ฟได้เกิดการอิมแพ็คที่ดี และมีการถ่ายทอดพลังงานที่ดี และเหมาะสม ย่อมมาก่อนการคำนึงถีงการปรับแต่งไม้กอล์ฟให้ได้สวิงสปีดที่ดี หรือสูงขึ้น เพราะจะไม่ช่วยให้นักกอล์ฟตีลูกกอล์ฟได้หนักแน่น และแม่นยำ เพื่อให้โดนกลางหน้าไม้ได้บ่อยครั้งที่สุด ควรปรึกษา Professional Club Fitting และตรวจเช็คความเร็วสปีด และ บอลสปีด รวมถึงมุมปะทะ (Angle of Attack) ว่าของคุณเป็นอย่างไร และควรมีสเปคไม้กอล์ฟอย่างไร