17 พฤศจิกายน 2556

ไม้กอล์ฟที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ไม่ใช่มาจากชั้นวางขายในห้าง/ร้านทั่วไป (Your best golf clubs should not off from the shelf)

การที่จะหาไม้กอล์ฟเหมาะสมกับนักกอล์ฟหนึ่งคนนั้น ดูเหมือนมันไม่น่าจะยากเย็นอะไรหนักหนา ก็แค่เดินไปเลือกซื้อตามห้าง/ร้านขายไม้กอล์ฟ และสอบถามว่าไม้กอล์ฟชุดไหน/อันไหนดี และเทคโนโลยีใหม่สุด หรือเป็นรุ่นล่าสุด ก็น่าจะได้ไม้กอล์ฟที่เหมาะสม และดีที่สุดแล้ว แต่ทำไมนักกอล์ฟทั่วไปยังค้นหาไม้กอล์ฟ หรือการปรับแต่งเปลี่ยนก้านฯ จากแบนด์นั้นไปหาแบนด์นี้ จากสเปคนี้ ไป หาสเปคนั้น แบบฟังเขาเล่าว่า หรือตามโฆษณา จนบางครั้งไม่รู้ว่าอันไหนดี และเหมาะสมกับตัวเองที่สุดจริงๆ จนถึงปัจจุบันมีไม้กอล์ฟ / ก้านไม้กอล์ฟ ไม่รู้กี่สิบอันแล้วเก็บไว้ในบ้าน หรือกำลังจะประกาศขายราคาถูกตามเว๊ปขายสินค้าทั่วไป

Standard spec ที่ต้องมาปรับแต่งใหม่
กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่เล่นให้สนุก หรือเล่นให้ได้ดียากพอสมควร ก็เพราะในการควบคุม หรือตีลูกกอล์ฟให้เป็นไปอย่างตั้งใจนั้นยากจริงๆ ก็อาจเป็นเพราะขนาดของลูกกอล์ฟเกือบเท่าขนาดของหน้าไม้ ซึ่งไม่เหมือนกับกีฬา (ตีลูก) ในประเภทอื่นๆ เล่นง่ายกว่ามาก และไม่ต้องมาเปลี่ยนอุปกรณ์กันให้ปวดหัว นอกจากนั้นแล้วกีฬากอล์ฟยังต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมออีกด้วย มิเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่เคยตีได้มันกลับตีไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่ไม้กอล์ฟก็อันเดิม ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ซึ่งอาจเกี่ยวกับอายุที่มากขึ้น หรือการฝีกซ้อมน้อยลง ทำให้ความแข็งแรงร่างกาย และทักษะทางกีฬานั้นเปลี่ยนไปนั่นเอง
สเปค หรือ ขนาดที่ไม่พอดี

แต่ที่สำคัญทีสุดสำหรับกีฬากอล์ฟ ก็คือไม้กอล์ฟทั้ง 14 อันนั่นเอง ที่ควรมีอุปกรณ์ให้เป็นไปตามทักษะ และความสามารถของร่างกายดีกว่านะครับ บางท่านก็ทนใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะความไม่รู้ หรือเสียดายทนใช้ไปก่อน และปรับวงสวิงตัวเองให้เข้ากับอุปกรณ์ นั้นจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ นะครับ จะทำให้การพัฒนาวงสวิงแย่ไปกว่าเดิม และแก้ไขวงสวิงจะยากกว่าการแก้ไขอุปกรณ์มากเลยครับ ลองมาพิจารณาว่าสเปคไม้กอล์ฟที่วางขายตามร้านทั่วไปนั้นเป็นอย่างไร

สาเหตุที่ไม้กอล์ฟที่วางขายบนชั้นวางสินค้า (Standard Spec) ตามห้างร้านทั่วไปนั้น ทำไมจึงไม่เหมาะสม และดีที่สุดให้กับความต่างของนักกอล์ฟแต่ละคน
  1. เป็นไม้กอล์ฟที่ผลิตเเพื่อขายตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด มีสเปคให้เลือกน้อย (One Size Fit All) และการประกอบไม้กอล์ฟไม่ใช่เฉพาะบุคคล (Mass Production) ที่มีความต่างทางสรีระร่างกาย และทักษะทางกีฬา
  2. องค์ประกอบหัวไม้กอล์ฟ (Club Head Design) มีอยู่ 1-2 แบบ ซึ่งไม่ตอบสนองความต้องการในรูปแบบวงสวิงที่ไม่เหมือนกัน เช่น องศาหน้าไม้ (Loft Angle) / หน้าไม้ปิด/สแควร์/เปิด (Face Angle) ซึ่งความแม่น / การควบคุมหน้าไม้ให้สแควร์ / ตีบอลไม่ลอย มีมุมเหินที่ต่ำ
  3. มุมระนาบหน้าไม้ (Lie Angle) ที่มีวางขายอยู่แบบเดียว แต่การสวิง กับความสูงของข้อมือถึงพื้น หรือความยาวแขน ของนักกอล์ฟไม่เท่ากันในแต่ละคน ซึ่งจ้าว Lie Angle นี้เป็นตัวกำหนดทิศทาง ซ้าย/ขวา เมื่อลูกกอล์ฟออกจากหน้าไม้ฯ (Lie Angle ซึ่งก็มีผลกระทบต่อความยาวก้าน และการยืนจรดลูกที่เปลี่ยนไปด้วย)
  4. มุมองศาหน้าไม้ (Loft Angle) ในไดร์ฟเวอร์ มีองศาที่ให้เลือกเพียง 2 แบบ คือ 9.5 หรือ 10.5 ซึ่งนักกอล์ฟที่มีความเร็วสปีดที่ช้า อาจจะต้องการมุมเหิน (Launch Angle) ที่ดีหรือมากกว่านั้น และในชุดเหล็กก็มีองศาที่บังคับตามสเปคโรงงานที่จัดมาแล้ว ซึ่งเมื่อองศาหน้าไม้ก็ไม่ตรงตามความต้องการของแต่ละคน
  5. น้ำหนักก้านฯ (Shaft Weight) ที่มีอยู่แบบเดียว โดยเฉพาะในชุดเหล็ก หรือ สองแบบ ในหัวไม้ ซึ่งมีจำกัด เพราะน้ำก้านเป็นตัวควบคุมน้ำหนักรวมไม้กอล์ฟ (Total Weight) ซึ่งกำหนดความสม่ำเสมอ หรือความแข็งแรงร่างกายในการตีกอล์ฟให้ใกล้เคียง หรือเหมือนเดิมที่สุดใน 18 หลุม (ใน 4-5 ชั่วโมงของการออกรอบ) 
  6. ความอ่อน/แข็งก้าน (Shaft Flex) มีอยู่สองแบบ Flex R หรือ S ไม่รู้ว่าจุดดีดสูง หรือต่ำ (Bending Profile) ที่ทำให้มุมเหินลูกกอลฟเหมาะกับวงสวิงที่ไม่เหมือนกัน รวมทั้งความเร็วหัวไม้ (Club Head Speed) ที่แตกต่างกัน
  7. ความยาวก้านฯ (Club Length) ที่มีขนาดเดียว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้นักกอล์ฟที่ต่างความสามารถในสวิงตีลูกกอล์ฟให้ตรงกลางหน้าไม้ได้บ่อยครั้ง เพิ่มให้เกิดการควบคุมหน้าไม้ และความแม่นยำที่ดีทีสุด (High Accuracy) ประมาณ 90% ไม้กอล์ฟที่วางขายมีความยาวที่มากเกินไปสำหรับนักกอล์ฟ
  8. แนวดีดก้าน (Neutual Bending Position) หรือ หลายคนเรียก การจัดกระดูกก้าน (Spine Alignment) เพราะก้านที่ประกอบจากโรงงานแบบ Mass production นั้น ไม่มีการจัดเรียงการดีดก้านให้ได้เหมือนกันเกือบ 100% ก็ว่าได้ ทำให้การสวิง และการดีดก้านในไม้กอล์ฟมีไม่เหมือนกัน จะเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในชุดเหล็ก เพราะก้านไม้กอล์ฟไม่สามารถผลิตให้ได้มีพื้นผิวกลมได้ 360 องศา
  9. ขนาดกริ๊ป (Grip Size) ซึ่งนักกอล์ฟทั่วไปมองข้ามสิ่งเล็กๆที่สำคัญไป ไม้กอล์ฟที่วางขายอยู่มีขนาดกริ๊ปเดียว (เหมือนบังคับใช้) ที่ผลิตออกมา แต่ขนาดมือของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน และเป็นผลให้การอิมแพคลูกกอล์ฟได้ไม่หนักแน่เท่าที่ควรเป็น และขนาดกริ๊ปก็กำหนดทิศทางของลูกกอล์ฟด้วยเช่นกัน
  10. การกระจายน้ำหนักบนไม้กอล์ฟ (Weight Distribution) หรือ หลายคนเรียกว่า สวิงเวท (Swing Weight) ก็มีแบบเดียว ซึ่งเป็นตัวกำหนดให้ไม้กอล์ฟหนึ่งไม้ นั้นสวิงได้ยาก หรือง่าย ขึ้นอยู่กับความแข็งแรง บวกกับความรู้สึกในการสวิงที่แตกต่างออกไปของนักกอล์ฟหนึ่งคน
ลองพิจารณาดูนะครับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ว่าเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ ที่ไม้กอล์ฟที่วางขายตามชั้นบนห้าง/ร้านทั่วไปนั้นเหมาะสมกับตัวท่านเอง และคุ้มกับราคาที่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้มา หรือว่าท่านควรจะมองหา Professional Club Fitting ที่สามารถให้คำตอบ และจัด / ปรับ / แต่งไม้กอล์ฟให้เข้า หรือเหมาะสมหรือใกล้เคียงกับวงสวิงของท่านที่สุด ซึ่งท่านไม่สามารถหาซื้อได้จากไม้กอล์ฟสำเร็จรูปที่วางขายอยู่ทั่วไปได้เลยนะครับ